วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำเกลียว

งานทำเกลียว


ชนิดของงานทำเกลียว


1. การอัดรีด เกลียว (Crushig Rolling)

2. งานตัดเกลียวด้วยเครื่องกัด (Thread Milling)

3. งานกลึงเกลียวด้วยเครื่องกลึง (Thread Turning)

4. การหล่อ (thread Casting)

5. การทํ าเกลียวด้วยมือ (Tapand Die)




การทำเกลียวด้วยมือ

1. การทำเกลียวนอก (External Thread) เป็นร่องเกลียวที่เกิดขึ้นภายนอกแท่งกระบอก

2. การทำเกลียวใน (Internal Thread) เป็นร่องเกลียวที่เกิดขึ้นภายในแท่งกระบอก



เครื่องมือการทำเกลียว

1. เครื่องมือสำหรับทำเกลียวนอกเรียกว่า ดาย (Die) ซึ่งปกติจะมี 1ชิ้นในแต่ละขนาดเกลียว

2. เครื่องมือสำหรับทำเกลียวใน เรียกว่า ต๊าป (Tap) ซึ่งปกติ 1 ชุดจะประกอบด้วยต๊าป3 ชิ้น



ชนิดของดาย (Die) มีอยู่ 2 ชนิด คือ


1. ชนิดตายตัว (Solid Dies) ใช้ทำเกลียวนอกที่มีขนาดไม่เกิน 16 มม.

2. ชนิดปรับได้ (Adjustable Dies) ใช้ทำเกลียวนอกที่มีขนาดใหญ่ ๆ หรือโตกว่า 16 มม. ขึ้นไป สามารถทำการดาย (Die) 2 – 3 ครั้ง โดยการปรับขนาดที่ตัวดายด้วยสกรูปรับด้ามจับดาย



การทำเกลียวดอกต๊าป 1 ชุด มีต๊าป 3 ตัว ได้แก่

1.ต๊าปตัวนำ (Taper Tap) ส่วนปลายของเกลียวจะเรียงกันประมาณ5 – 6 เกลียวใช้เป็นต๊าปนำ

2.ต๊าปตัวตาม (Plap Tap) ส่วนปลายของเกลียวจะลบมุมประมาณ 3 – 4 เกลียวเพื่อทำให้การกัดเกลียวตามตัวนำได้สะดวก

3.ต๊าปตัวสุดท้าย (Bottoming Tap) มีขนาดเกลียวเต็ม ด้ามปลายลบมุมเล็กน้อยใช้เป็นต๊าปตัดสุดท้ายในการทำเกลียว

เครื่องกลึง

เครื่องกลึง


เครื่องกลึง 
ป็นเครื่องมือกลขั้นพื้นฐานที่มีความสําคัญอย่างมากใช้สำหรับกลึงชิ้นงานเครื่องมือกลเบื้องต้น
ชนิดของเครื่องกลึง
- เครื่องกลึงตั้ง
- เครื่องกลึงหน้าจาน
- เครื่องกลึงป้อน
- เครื่องกลึงชนิดยันศูนย์
หน้าที่ของเครื่องกลึง
1. ใช้กลึงปาดหน้า
2. ใช้กลึงปอกผิว
3. ใช้กลึงลดขนาด
4. ใช้กลึงเกลียว
5. ใช้กลึงพิมพ์ลาย
6. ใช้กลึงขึ้นรูป
7. ใช้กลึงคว้าน
8. ใช้เจาะรู
9. ใช้ต๊าปเกลียว
10. ใช้ดายเกลียว
11. ใช้เจียระไนบนเครื่องกลึง
ส่วนประกอบที่สำคัญของเครื่องกลึง
1. แขนหมุนปรับความเร็วรอบ (Spindle Speed Selector)
2. แขนโยกปรับกลึงเกลียว (Leadscrew Reverse & ThreadRange Lever)
3. ชุดเฟืองทด ( Gears ) อยู่ตรงกลางระหว่างชุดหัวเครื่องกับชุดท้ายแท่นจะเคลื่อนที่ไปมา ซ้าย – ขวา บนสะพานแท่นเครื่อง
4. ชุดแคร่เลื่อน (Saddle)
5. ชุดแท่นเลื่อน(Carriage)
6. ชุดเฟืองป้อน (Feed Gear)
7. เพลานํ า (Lead Screw)
8. เพลาป้อน (Feed Shaft)
ข้อควรระวังในการใช้เครื่องกลึง
• ตรวจสอบความพร้อมของเครื่องกลึงก่อนใช้• ตรวจสอบความพร้อมของสภาพร่างกายก่อนใช้งาน
• ต้องมั่นใจก่อนเปิดสวิตช์เดินเครื่องกลึงว่าได้จับชิ้นงานแน่นเพียงพอแล้ว
• ระมัดระวังไม่ให้มีดกลึงชนกับหัวจับเครื่องกลึงที่กำลังหมุน
• ห้ามวางอุปกรณ์หรือสิ่งอื่นใดตรงบริเวณที่เครื่องหมุน
• ห้ามเขี่ยเศษเหล็กและตรวจวัดชิ้นงานขณะกำลังหมุน
• ขณะปฏิบัติงานต้องมีแสงสว่างเพียงพอ
• ไม่ควรหยอกล้อขณะปฏิบัติงาน
• ควรเปิด – ปิดสวิตช์ด้วยตนเอง
• ไม่ควรประมาทขณะปฏิบัติงานกับเครื่องกลึง

เทคโนโลยีการผลิตเหล็กขั้นต้น








เทคโนโลยีการผลิตเหล็กขั้นต้น


กระบวนการผลิตเหล็กขั้นต้นหรือกระบวนการถลุงแร่เหล็กเป็นกระบวนการในการ เปลี่ยนรูปแร่เหล็ก ซึ่งอยู่ในรูปของเหล็กออกไซด์ให้กลายเป็นโลหะเหล็ก รวมทั้งสารปลอมปนอื่น ๆ โดยใช้สารลดออกซิเจน เช่น คาร์บอน ไฮโดรเจน ในการกำจัดออกซิเจนและสารปลอมปนออกจากเหล็ก ซึ่งสามารถแบ่งกระบวนการถลุงแร่เหล็กออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ การถลุงเหล็กในสภาพ ของเหลวและการถลุงเหล็กในสภาพของแข็ง ซึ่งมีกระบวนการผลิตจากเทคโนโลยีต่าง ๆ แสดงใน แผนภาพที่ 1 ดังนี้


แผนภาพที่ 1 กระบวนการผลิตเหล็กขั้นต้นที่อาจได้จากการถลุงเหล็กในสภาพของแข็งและของเหลวจากเทคโนโลยีต่าง ๆ



การถลุงแร่เหล็กในสภาพของเหลว
เป็นกระบวนการกำจัดออกซิเจนออกจากแร่เหล็กพร้อมทั้งเปลี่ยนสภาพจากของแข็งเป็น ของเหลว เหล็กขั้นต้นที่ได้อยู่ในสภาพหลอมเหลวซึ่งสามารถนำไปใช้ต่อเนื่องในกระบวนการผลิตเหล็กกล้า (steel making) เช่น Blast Furnace-Basic Oxygen Furnace (BF-BOF), Corex – Electric Arc Furnace (Corex -EAF) ได้ทันที ปัจจุบันการถลุงเหล็กในสภาพของเหลวที่พัฒนาในเชิงพาณิชย์ ได้แก่ การถลุงแร่เหล็กด้วย Blast Furnace และการถลุงแร่เหล็กด้วยวิธี Direct smelting

กระบวนการถลุงแร่เหล็กด้วย Blast Furnacee

การถลุงแร่เหล็กด้วยวิธี Direct Smelting Reduction ปัญหาจากการถลุงแร่เหล็กด้วย Blast Furnace เช่น ปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการผลิตถ่านโค๊ก และกระบวนการเตรียมแร่ก้อน ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบคุณภาพสูง อีกทั้งปัญหาเรื่องเงินลงทุนที่สูงมาก ดังนั้นมีการพัฒนาเทคโนโลยีการถลุงแร่เหล็กด้วยวิธี Direct Smelting Reduction เพื่อสามารถลดปัญหาเหล่านี้ เทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนา ได้แก่ Corex และ HIsmelt
กระบวนการถลุงแร่เหล็กด้วย กระบวนการ Corex-3000

กระบวนการถลุงแร่เหล็กด้วย HIsmelt

การถลุงแร่เหล็กในสภาพของแข็ง (Direct Reduction)
เป็นเทคโนโลยีการถลุง ซึ่งผลผลิตที่ได้อยู่ในรูปของของแข็งหรือเรียกว่าเหล็กพรุน กากแร่ที่ติดปนมาไม่สามารถแยกออกได้ในกระบวนการถลุง และไม่สามารถเปลี่ยนเหล็กทั้งหมดให้เป็นโลหะได้ ทำให้ต้องสิ้นเปลืองพลังงานในขั้นตอนการผลิตเหล็กกล้ามากกว่าการใช้เศษเหล็ก การถลุงแร่เหล็กในสภาพของแข็งแบ่งเป็น 2 กระบวนการ คือ
  1. การถลุงแร่เหล็กด้วยแก๊สถลุงที่ได้มาจากแก๊สธรรมชาติ
  2. การถลุงแร่เหล็กด้วยแก๊สถลุงที่ได้มาจากถ่านหิน
การถลุงแร่เหล็กด้วยแก๊สถลุงที่ได้มาจากแก๊สธรรมชาติเป็นกระบวนการถลุงซึ่งผลิตแก๊สถลุงจากแก๊สธรรมชาติ เช่น แก๊สมีเทน (CH4) ถูกแปรสภาพด้วยเครื่องแปรสภาพแก๊ส (reformer) ให้เป็นแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และแก๊สไฮโดรเจน (H2) ซึ่งกระบวนการที่ใช้ในเชิงพาณิชย์มี 3 กระบวนการ คือ
  1. การถลุงแร่เหล็กด้วยเทคโนโลยี Midrex
  2. การถลุงแร่เหล็กด้วยเทคโนโลยี HyL III
  3. การถลุงแร่เหล็กด้วยเทคโนโลยี Finmet
กระบวนการ Midrex และ HyL เป็นกระบวนการที่คล้ายคลึงกัน คือ แร่เหล็กที่ใช้เป็นวัตถุดิบอยู่ในรูปของแร่ก้อนหรือแร่เหล็กอัดก้อน ในขณะที่ Finmet ใช้แร่ละเอียด โดย reactor ที่ใช้ในกระบวนการ Midrex และ HyL เป็นแบบ moving bed ส่วน Finmet เป็นแบบ fluidized bed

ภาพการไหลขององค์ประกอบทางเคมีที่เกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการ Midrex
การถลุงแร่เหล็กด้วยแก๊สถลุงที่ได้มาจากถ่านหินเป็นกระบวนการทางเลือกที่พัฒนาเพื่อแก้ปัญหาในประเทศที่แก๊สธรรมชาติมีราคาแพง โดยใช้ถ่านหินในการลดออกซิเจนในแร่เหล็ก ปัจจุบันสามารถแยกเป็นกระบวนการหลักได้ 2 กระบวนการดังนี้ คือ

  1. การถลุงแร่เหล็กด้วยเทคโนโลยี SL/RN เป็นกระบวนการที่ใช้หลักการเผาถ่านหินรวมกับแร่เหล็กในเตาเผาแบบนอนจนถ่านหินกลายเป็นคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งทำหน้าที่ลดออกซิเจนในแร่เหล็ก ปฎิกิริยาเป็นแบบ Diffusion Control อุณหภูมิของปฎิกิริยาประมาณ 900 - 1,100 องศาเซลเซียส เป็นกระบวนที่ไม่ยุ่งยาก การควบคุมปฎิกิริยาทำได้ยากเนื่องจากการแตกของตัวแร่เหล็กและถ่านหินทำให้การลดออกซิเจนไม่สม่ำเสมอ ผลิตภัณฑ์มีเปอร์เซ็นต์ metallization ต่ำแต่มีปริมาณ ซัลเฟอร์สูงซึ่งมาจากถ่านหิน
  2. การถลุงแร่เหล็กด้วยเทคโน RHF ปัจจุบันมีการพัฒนาในเชิงพาณิชย์อยู่หลายเทคโนโลยีที่มีศักยภาพ เช่น Fastmet Inmetco Redsmelt และ Iron Dynamicใช้หลักการในการอัดรวม แร่เหล็กละเอียดถ่านรวมกับแร่เหล็กละเอียดขนาดละเอียดกว่า 300 เมช ในรูปของ Green Pellet ทำการเผาที่อุณหภูมิสูงประมาณ 1,200 - 1,350 องศาเซลเซียส ทำให้เกิดปฎิกิริยาแบบ Chemical Control จากการสัมผัสของแร่เหล็กและถ่านหิน กระบวนการที่เริ่มผลิตในเชิงพาณิชย์ในปี พ.ศ. 2543 กระบวนการ Iron Dynamic ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีซัลเฟอร์สูงและมีน้ำหนักเบา ถ่านหินต้องพิจารณาที่มีปริมาณซัลเฟอร์ต่ำ ปัญหาน้ำหนักเบาสามารถแก้ได้สองวิธี คือ นำผลิตภัณฑ์ไปอัดให้มีความหนาแน่นเพิ่มขึ้น (Hot Briquetting Press) หรือ การนำไปหลอมด้วย Submerg Arc Furnace ผลผลิตที่ได้เป็นเหล็กหลอมเหลว
ข้อมูลโดย : ส่วนการประกอบโลหกรรม สำนักอุตสาหกรรมพื้นฐาน โทร.0-2202-3609

อ้างอิง:http://www.akesteel.com/index.php?mo=3&art=46402

ความหมายและหลักการทำงานของเครื่อง CNC

ความหมายและหลักการทำงานของเครื่อง CNC

ในอดีตเครื่องจักรกลผลิตชิ้นงาน ต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญงานควบคุมการผลิตอย่างใกล้ชิด ค่าความเที่ยงตรงของชิ้นงาน ขึ้นอยู่กับความชำนาญ ของผู้ควบคุมเครื่องจักรกลนั้นๆ เช่น ในการตัด เฉือนชิ้นงาน ช่างควบคุมจะเลื่อนคมตัดให้เคลื่อนที่ไป และเฝ้าดูตำแหน่งของคมตัด ให้สัมพันธ์กับเส้นรอบรูปบนชิ้นงานที่กำลังตัดเฉือนตลอดเวลา การเปลี่ยนตำแหน่งของคมตัด ช่างควบคุมจะหมุนด้วยมือ เพื่อควบคุมการเคลื่อนที่ของแท่นเลื่อนชิ้นงานกับคมตัด ให้ได้ตำแหน่งที่ต้องการ นอกจากการควบคุมตำแหน่งของชิ้นงานกับเครื่องมือตัดแล้ว ช่างต้องควบคุมอัตราป้อนชิ้นงานเข้าสู่คมตัด ซึ่งความเร็วขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุชิ้นงาน วัสดุเครื่องมือตัด และตำแหน่งของคมตัดอีกด้วย ต่อมามีการพัฒนาระบบควบคุมแบบง่ายๆ มาใช้กับเครื่องจักรกล แต่เป็นระบบที่ควบคุมการทำงานให้สามารถทำงานได้เฉพาะอย่างเท่านั้น
เมื่อระบบเอ็นซี NC : Numerical control ได้ถูกนำมาเผยแพร่ จึงมีการนำระบบเอ็นซีเข้ามาใช้กับเครื่องจักรกล ทำให้การผลิตชิ้นงานด้วยเครื่องเอ็นซีมีความเที่ยงตรงสูง
Numerical control หมายถึง การควบคุมครื่องจักรกลด้วยระบบตัวเลขและตัวอักษรหรือกล่าวได้ว่า เอ็นซีคือ การควบคุมเคลื่อนต่างๆตลอดจนกระทั่งการทำงานอื่นๆของเครื่องจักรกล โดยรหัสที่ ประกอบด้วยตัวเลขตัวอักษร และ สัญลักษณ์อื่นๆ รหัสตัวเลข ตัวอักษรจะถูกแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้าที่จะไปขับมอเตอร์ หรืออุปกรณ์อื่นๆ เพื่อทำให้เครื่องจักรทำงานตามขั้นตอนที่ต้องการ
เพื่อให้เหมาะกับลักษณะของงาน ที่เปลี่ยนแปลงไป จึงได้มีการนำคอมพิวเตอร์เป็นตัวควบคุมการทำงานของเครื่องจักร เรียกว่าระบบCNC ซีเอ็นซี มาจากคำว่า Computerized Numerical control เป็น ระบบควบคุมเอ็นซีที่ใช้คอมพิวเตอร์ ทำให้สามารถจัดการเก็บข้อมูลที่ป้อนเข้าไปในระบบเอ็นซี และประมวลผลข้อมูลเพื่อนำผลลัพธ์ที่ได้ ไปควบคุมการทำงานของเครื่องจักรกล
ในปัจจุบันเครื่องจักรกลเอ็นซีส่วนมากจะหมายถึงเครื่องจักรกลซีเอ็นซีทั้งนี้เพราะว่า ระบบเอ็นซีที่ไม่มีคอมพิวเตอร์เป็นส่วนประกอบมักไม่นิยมสร้างใช้แล้ว เนื่องจาก คอมพิวเตอร์มีราคาถูกลง และมีความยืดหยุ่นพร้อมประสิทธิภาพที่สูงกว่า
หลักการระบบ CNC
การพัฒนาทางด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้พัฒนาไปอย่างมาก การผลิตไมโครชิพสามารถผลิตให้มีขนาดเล็กลง แต่ประสิทธิภาพในการทำงานสูงขึ้น การนำไมโครชิพไปใช้งานที่สำคัญอย่างหนึ่งได้แก่ การใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญของเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น ใช้เป็นหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) เป็นหน่วยความจำ (RAM & ROM) ยุคแรกที่มีการนำคอมพิวเตอร์จะเน้นหนักไปทางด้านการจัดเก็บและบันทึกข้อมูล และการคำนวณขั้นพื้นฐาน


ในระยะหลังได้มีการพัฒนาขีดความสามารถในการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ดีขึ้น มีความเร็วในการประมวลผลสูงขึ้น เช่น การออกแบบชิ้นส่วนและสร้างโปรแกรมสำหรับผลิตชิ้นงาน ในภายหลังได้มีการเขียนโปรแกรมสำหรับช่วยในการผลิตชิ้นงานด้วยเครื่องจักรที่ควบคุมด้วยระบบเชิงตัวเลขขึ้นมา เครื่องจักรที่ใช้ระบบการควบคุมแบบเชิงตัวเลขนี้เรียกกันทั่วๆ ไปว่า "เครื่องจักรซีเอ็นซี" (CNC Machine)





อ้างอิง

วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554

web picasa

การใช้งาน picasa web album


http://www.picasa.com/ นั้นเป็นบริการให้พื้นที่เก็บภาพ จาก google ให้พื้นที่ขนาดมหาศาล เราสามารถเอาพื้นที่เก็บภาพตรงนี้ไปประยุกต์ใช้ กับชีวิตประจำวันเราได้สบายๆ อย่างเช่น ถ้าท่านทำเว็บ ท่านก็อาจจะเก็บภาพทั้งหมด ที่ใช้ในเว็บไว้ที่นี่ หรือถ้าท่านเป็นผู้ที่ชอบท่องไปตามเว็บบอร์ดต่างๆ เพื่อถามปัญหาข้อสงสัยของตัวเอง แน่นอนว่าภาพอธิบายได้ดีกว่าคำพูด ท่านก็เก็บภาพที่ท่านจับมาจากหน้าจอ เก็บไว้ที่ picasa แล้วเอาไปโพสต์ในบอร์ด ท่านก็จะได้เก็บความทรงจำของท่านไว้ด้วยว่า ท่านเคยเจอปัญหาอะไรมาบ้างก่อนอื่นเลยท่านจะต้องสมัครอีเมล์ของ gmail ก่อน เมื่อท่านได้แอคเค้าของ gmail มาแล้ว บริการอีกบานเบอะจะติดมาด้วย ในนั้นรวมเอา picasa มาด้วย

ความหมายของ gooole calendar

ยินดีต้อนรับสู่ Google Calendar และ Google Calendar API Program

ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นใช้ Google Calendar คุณต้องอ่านและยอมรับข้อกำหนดในการให้บริการ ตลอดจนนโยบายต่อไปนี้ รวมถึงการแก้ไขในอนาคต (เรียกรวมว่า "ข้อตกลง"):
แม้ว่าเราจะพยายามแจ้งให้คุณทราบเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดในการให้บริการของ Blogger คุณควรตรวจทานเวอร์ชันใหม่ล่าสุดเป็นประจำ Google อาจใช้สิทธิ์พิจารณาปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขนโยบายและข้อกำหนดในการให้บริการเมื่อใดก็ได้ และคุณยินยอมปฏิบัติตามการปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขดังกล่าว หากคุณไม่ยอมรับและปฏิบัติตามข้อตกลงนี้ คุณจะไม่สามารถใช้ Google Calendar เมื่อมีข้อขัดแย้งระหว่างข้อกำหนดในการให้บริการของ Google Calendar และข้อกำหนดในการให้บริการทั่วไปของ Google (มีให้ที่ http://www.google.com/terms_of_service.html) นโยบายความเป็นส่วนตัวของ Google Calendar (มีให้ที่ http://www.google.com/privacy.html) หรือประกาศเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของ Google Calendar (มีให้ที่ http://www.google.com/googlecalendar/privacy_policy.html) ข้อกำหนดในการให้บริการของ Google Calendar จะมีผลบังคับ ข้อตกลงนี้ไม่มีส่วนใดที่สามารถตีความว่าเป็นการให้สิทธิ์หรือประโยชน์แก่บุคคลที่สาม
  • คำอธิบายของบริการ Google Calendar เป็นแอปพลิเคชันปฏิทินที่ให้บริการฟรี และ Google Calendar API Program เป็นฟีดข้อมูล XML ที่มีให้เพื่อใช้ร่วมกับ Google Calendar (เรียกรวมว่า "บริการ") คุณเข้าใจและยอมรับว่าบริการอาจรวมถึงโฆษณาที่กำหนดเป้าหมายตามเนื้อหา หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ดังที่จะอธิบายเพิ่มเติมไว้ด้านล่าง และในนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลของ Google นอกจากนี้ คุณเข้าใจและยอมรับว่าบริการนี้มีให้ตามสภาพและตามสภาวะความพร้อมในการให้บริการ Google ไม่มีส่วนรับผิดชอบหรือความรับผิดต่อความพร้อมในการให้บริการ ความตรงต่อเวลา ความปลอดภัย หรือความเชื่อถือได้ของบริการ และ Google ขอสงวนสิทธิ์ที่จะปรับเปลี่ยน ระงับ หรือยุติการให้บริการเมื่อใดก็ได้ ทั้งที่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าหรือไม่ก็ตาม โดยไม่มีความรับผิดใดๆ ต่อคุณ
  • การใช้งานส่วนบุคคลและภายในองค์กรเท่านั้น Google Calendar ให้บริการแก่คุณเพื่อการใช้งานส่วนบุคคลและสำหรับธุรกิจภายในองค์กร ตามกฎหมาย กฎและระเบียบที่มีผลบังคับทั้งหมด ถ้าคุณต้องการใช้ Google Calendar ในเชิงพาณิชย์ รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงการขายหรือแจกจ่าย Google Calendar เพื่อแสวงหาค่าตอบแทน คุณจะต้องทำข้อตกลงกับ Google หรือได้รับอนุญาตจาก Google อย่างเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน คุณสามารถใช้ Google Calendar API Program ร่วมกับเว็บไซต์เชิงพาณิชย์ได้ ถ้าคุณไม่ขายหรือแจกจ่ายเนื้อหาหรือองค์ประกอบของ Google Calendar API Program เพื่อแสวงหาค่าตอบแทน และปฏิบัติตามข้อจำกัดข้างต้นสำหรับการใช้งาน Google Calendar ของคุณ ถ้ามีการขอให้คุณลงทะเบียน คุณจะต้องให้ข้อมูลประจำตัว ที่ติดต่อ และข้อมูลอื่นๆ ที่ครบถ้วนและถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในกระบวนการลงทะเบียน คุณต้องรับผิดชอบต่อการรักษารหัสผ่านและบัญชีของบริการไว้เป็นความลับ และต้องรับผิดชอบต่อการกระทำใดๆ ที่เกิดขึ้นในบริการดังกล่าว Google ขอสงวนสิทธิ์ที่จะปฏิเสธหรือยุติการเข้าร่วมรับบริการของผู้สมัครเมื่อใดก็ได้ ตามที่พิจารณาเห็นสมควร เนื่องจากข้อกำหนดของกฎหมาย Children's Online Privacy Protection Act ปี 1998 (ซึ่งมีอยู่ที่ http://www.ftc.gov/ogc/coppa1.htm) คุณจะต้องมีอายุสิบสาม (13) ปีบริบูรณ์ขึ้นไปจึงจะสามารถใช้บริการนี้ได้
  • การใช้งานอย่างเหมาะสม คุณยอมรับว่าคุณมีหน้าที่รับผิดชอบต่อการสื่อสารของคุณเองและผลที่เกิดขึ้นจากการสื่อสารดังกล่าว การใช้บริการนี้ของคุณขึ้นอยู่กับการยอมรับและปฏิบัติตามข้อตกลงนี้ รวมถึงนโยบายโปรแกรม Google Calendar ("นโยบายโปรแกรม") ซึ่งอยู่ที่ http://www.google.com/googlecalendar/program_policies.html หรือ URL อื่นๆ ที่ Google อาจมีให้ในบางโอกาส คุณยอมรับที่จะใช้บริการตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับของท้องถิ่น รัฐ ประเทศ และระหว่างประเทศที่มีผลบังคับ รวมถึงกฎหมายเกี่ยวกับการส่งข้อมูลทางเทคนิคซึ่งส่งออกจากประเทศที่พำนักของคุณ คุณจะไม่ดำเนินการ ยินยอมดำเนินการ หรืออนุญาตหรือส่งเสริมให้บุคคลที่สาม: (i) ใช้บริการเพื่ออัปโหลด ส่ง หรือแจกจ่ายเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย สร้างความเสื่อมเสีย รุกล้ำสิทธิ์ สร้างความขัดแย้ง หลอกลวง อนาจาร มีไวรัส หรือก่อให้เกิดความไม่พอใจในทางหนึ่งทางใดตามที่ Google พิจารณาเห็นสมควร (ii) อัปโหลด ส่ง หรือแจกจ่ายเนื้อหาที่ละเมิดสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาของบุคคลหนึ่งบุคคลใด ตลอดจนสิทธิ์ตามสัญญาหรือความเชื่อถือ หรือภาระหน้าที่ของบุคคลอื่น (iii) ทำให้บุคคลอื่นไม่สามารถใช้บริการ (iv) ใช้บริการเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่สุจริตหรือไม่เหมาะสม หรือ (v) ประพฤติในทางใดก็ตามที่ละเมิดนโยบายโปรแกรม ดังที่อาจมีการแก้ไขในบางโอกาส การละเมิดเงื่อนไขที่กล่าวมานี้อาจเป็นผลให้ข้อตกลงนี้สิ้นสุดลงในทันที และคุณอาจต้องรับโทษตามกฎหมายของรัฐหรือรัฐบาลกลาง ตลอดจนบทลงโทษทางกฎหมายอื่นๆ Google ขอสงวนสิทธิ์ โดยไม่ถือเป็นภาระหน้าที่ที่จะตรวจสอบการใช้บริการของคุณ เพื่อพิจารณาว่ามีการละเมิดข้อตกลงหรือไม่ หรือเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ กระบวนการทางกฎหมาย หรือคำสั่งของภาครัฐที่มีผลบังคับ
  • เนื้อหาของบริการ Google ไม่รับผิดชอบต่อเนื้อหาของบุคคลที่สาม (รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียง ไวรัสหรือคุณลักษณะที่ทำให้ใช้งานไม่ได้) และ Google ไม่มีภาระรับผิดชอบต่อการตรวจสอบเนื้อหาของบุคคลที่สาม Google ขอสงวนสิทธิ์ในการลบหรือปฏิเสธที่จะแจกจ่ายเนื้อหาใดก็ตามในบริการ เช่น เนื้อหาที่ละเมิดข้อกำหนดของข้อตกลงนี้ เมื่อใดก็ได้ และ Google สงวนสิทธิ์ในการเข้าถึง อ่าน เก็บรักษา และเปิดเผยข้อมูลใดๆ ที่มีเหตุให้เชื่อว่ามีความจำเป็น เพื่อ (a) ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ กระบวนการทางกฎหมาย หรือคำขอของรัฐบาล (b) บังคับใช้ข้อตกลงนี้ รวมถึงการสอบสวนถึงสิ่งที่อาจเป็นการละเมิดข้อตกลงนี้ (c) ตรวจสอบ ป้องกัน หรือดำเนินการอื่นๆ กับการหลอกลวง ปัญหาด้านความปลอดภัยหรือทางเทคนิค (d) ตอบสนองคำขอรับการสนับสนุนของผู้ใช้ หรือ (e) คุ้มครองสิทธิ์ ทรัพย์ หรือความปลอดภัยของ Google ผู้ใช้ และสาธารณชน Google จะไม่มีส่วนรับผิดชอบหรือรับผิดต่อการใช้หรือละเว้นที่จะใช้สิทธิ์ใดๆ ภายใต้ข้อตกลงนี้
  • สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาของ Google คุณยอมรับว่า Google เป็นเจ้าของสิทธิ์ กรรมสิทธิ์ และผลประโยชน์ทั้งมวลในบริการนี้ รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาทั้งหมด ("สิทธิ์ของ Google") และสิทธิ์ของ Google ดังที่กล่าวมานั้นได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศสหรัฐอเมริกาและกฎหมายระหว่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ คุณยอมรับว่าคุณจะไม่คัดลอก ทำซ้ำ แก้ไข ปรับเปลี่ยน หรือสร้างผลงานต่อเนื่องจากบริการนี้ และยอมรับว่าคุณจะไม่ใช้ซอฟต์แวร์โรบ็อต สไปเดอร์ อุปกรณ์อัตโนมัติ หรือวิธีการดำเนินการด้วยตนเองอื่นๆ เพื่อติดตามหรือคัดลอกเนื้อหาจากบริการ สิทธิ์ของ Google ประกอบด้วยสิทธิ์ใน (i) บริการที่พัฒนาและมีให้โดย Google และ (ii) ซอฟต์แวร์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับบริการ สิทธิ์ของ Google ไม่รวมถึงเนื้อหาของบุคคลที่สาม ซึ่งใช้เป็นส่วนหนึ่งของบริการ รวมถึงเนื้อหาของการสื่อสารที่ปรากฏในบริการ

    สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาของคุณ Google ไม่ได้อ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในเนื้อหาใดๆ รวมถึงข้อความ ข้อมูล สารสนเทศ รูปภาพ ภาพถ่าย ดนตรี เสียง วิดีโอ หรือวัสดุอื่นๆ ที่คุณอัปโหลด ส่ง หรือเก็บในปฏิทินของ Google Calendar ของคุณ เราจะไม่ใช้เนื้อหาใดๆ ของคุณเพื่อวัตถุประสงค์ใดๆ ยกเว้นในการให้บริการแก่คุณเท่านั้น
  • การรับรองและรับประกัน คุณรับรองและรับประกันว่า (a) ข้อมูลทั้งหมดที่คุณให้แก่ Google ในการเข้าร่วมใช้บริการนั้นถูกต้องและเป็นข้อมูลปัจจุบัน และ (b) คุณมีสิทธิ์และมีอำนาจเต็มที่จะลงนามในข้อตกลงนี้ และดำเนินการตามที่กำหนดสำหรับคุณในที่นี้
  • ความเป็นส่วนตัว ในการใช้บริการนี้ คุณจะต้องยอมรับเงื่อนไขของนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลของ Google และประกาศเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของ Google Calendar ซึ่งอาจมีการปรับปรุงในบางโอกาส Google ทราบดีว่าข้อมูลส่วนบุคคลมีความสำคัญกับคุณ อย่างไรก็ตาม คุณยอมรับว่า Google สามารถตรวจสอบ แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ รวมถึงเนื้อหาของปฏิทินและกิจกรรมของคุณ ถ้าจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามกระบวนการทางกฎหมายหรือคำร้องขอของรัฐที่มีผลบังคับ (เช่น หมายค้น หมายศาล ข้อกำหนด หรือคำสั่งศาล) หรือตามที่บัญญัติไว้ในข้อกำหนดในการให้บริการ นโยบายข้อมูลส่วนบุคคลของ Google และประกาศข้อมูลส่วนบุคคลของ Google Calendar ข้อมูลส่วนบุคคลที่ Google เก็บอาจมีการจัดเก็บและประมวลผลในประเทศสหรัฐอเมริกาหรือประเทศอื่นที่ Google Inc. หรือตัวแทนมีหน่วยงานอยู่ ในการใช้บริการ Google Calendar จะถือว่าคุณยินยอมให้มีการโอนข้อมูลดังกล่าวไปนอกประเทศของคุณ
  • การไม่ใช้งานบัญชี หลังจากที่ไม่มีการใช้งานบัญชีในช่วงระยะเวลาหนึ่ง Google ขอสงวนสิทธิ์ที่จะลบปฏิทินและกิจกรรมของผู้ใช้ ถ้าบัญชีนั้นถูกตัดการทำงานเนื่องจากการไม่ใช้งาน ที่อยู่อีเมลที่เชื่อมโยงกับบัญชีนั้นอาจถูกมอบให้กับผู้ใช้อื่น โดยไม่ต้องแจ้งให้คุณหรือบุคคลอื่นดังกล่าวทราบ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Google ดำเนินการกับการไม่ใช้งานบัญชี โปรดอ่านนโยบายโปรแกรม
  • การประชาสัมพันธ์ การใช้ชื่อทางการค้า เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ โลโก้ ชื่อโดเมน และลักษณะที่เป็นตราสินค้าอย่างชัดเจน ("คุณลักษณะของตราสินค้า") ต้องเป็นไปตามข้อตกลงนี้ และสอดคล้องกับหลักเกณฑ์การใช้คุณลักษณะของตราสินค้าของ Google ในขณะนั้น รวมถึงเนื้อหาภายในหรือมีการอ้างอิง ซึ่งอยู่ที่ URL ต่อไปนี้: http://www.google.com/permissions/guidelines.html (หรือ URL อื่นๆ ที่ Google อาจมีให้ในบางโอกาส)
  • การยุติ, การยกเลิกบริการ คุณสามารถยกเลิกการใช้บริการ และ/หรือยุติข้อตกลงนี้เมื่อใดก็ได้ โดยมีเหตุผลหรือไม่ก็ตาม โดยแจ้งให้ Google ทราบที่ http://www.google.com/accounts/ManageAccount โดยมีเงื่อนไขว่า บัญชีที่สิ้นสุดลงอาจยังคงมีอยู่เป็นเวลาถึงสองวันทำการก่อนที่การยกเลิกดังกล่าวจะมีผล Google อาจยุติการให้บริการหรือสิ้นสุดข้อตกลงนี้เมื่อใดก็ได้ และด้วยเหตุผลใดก็ได้ บัญชีของคุณจะถูกตัดการใช้งาน และคุณจะไม่สามารถเข้าถึงบัญชีของคุณหรือไฟล์หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีอยู่ในบัญชี แม้ว่าสำเนาของข้อมูลจะยังคงอยู่ในระบบของเรา ยกเว้นในกรณีที่กำหนดไว้ข้างต้น หรือยกเว้นกรณีที่ Google ได้ยกเลิกหรือยุติการใช้บริการของคุณก่อนหน้านี้ (ซึ่งในกรณีดังกล่าว จะไม่ต้องมีการแจ้งเตือนจาก Google) ถ้าคุณได้ให้ที่อยู่อีเมลสำรองไว้ Google จะส่งอีเมลแจ้งให้คุณทราบถึงการยุติหรือการยกเลิกบริการ ซึ่งจะมีผลโดยทันทีเมื่อ Google จัดส่งการแจ้งดังกล่าวแล้ว วรรค 2, 3, 4, 5, 7 และ 11 - 14 ของข้อตกลงนี้ ตลอดจนข้อบัญญัติที่เกี่ยวข้องของข้อกำหนดในการให้บริการทั่วไป (รวมถึงวรรคเกี่ยวกับข้อจำกัดความรับผิด) จะยังคงมีผลแม้ว่าข้อตกลงนี้จะหมดอายุหรือยุติลงแล้วก็ตาม
  • การให้ความคุ้มครอง คุณยินยอมให้ความคุ้มครองและการชดเชยแก่ Google ตลอดจนบริษัทในเครือ บริษัทพันธมิตร เจ้าหน้าที่ ตัวแทน และพนักงาน จากการเรียกร้องค่าเสียหายของบุคคลที่สาม อันเกิดจากหรือเกี่ยวข้องกับการใช้บริการ รวมถึงความรับผิดหรือค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการเรียกร้องสิทธิ์ ความเสียหาย (ที่เกิดขึ้นจริงและที่เป็นผลของเหตุการณ์อื่น) การฟ้องร้อง คำตัดสิน ค่าใช้จ่ายในการฟ้องร้อง ค่าใช้จ่ายของทนายความทุกลักษณะ ในกรณีเช่นนี้ Google จะแจ้งให้คุณทราบถึงการเรียกค่าเสียหาย การฟ้องร้อง หรือการดำเนินการดังกล่าวมาข้างต้นอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
  • ตัวเลือกของกฎหมาย เขตอำนาจศาล ข้อกำหนดในการให้บริการนี้จะอยู่ภายใต้อำนาจและได้รับการตีความตามกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยไม่มีผลต่อความขัดแย้งของข้อบัญญัติทางกฎหมายหรือรัฐหรือประเทศที่คุณพำนักอยู่จริง การเรียกร้อง การดำเนินการทางกฎหมาย หรือการฟ้องร้องเกี่ยวกับบริการจะต้องดำเนินการในซานตา คลาราเคาตี้ แคลิฟอร์เนีย และคุณยินยอมที่จะอยู่ภายใต้อำนาจศาลดังกล่าว
  • เบ็ดเตล็ด ถ้าข้อบัญญัติใดในข้อกำหนดและเงื่อนไขนี้ได้รับคำชี้ขาดโดยศาลที่มีอำนาจตัดสินคดีความว่าไม่มีผลบังคับ ข้อชี้ขาดดังกล่าวจะไม่มีผลต่อการบังคับใช้ข้อบัญญัติอื่นๆ ของข้อตกลงนี้ ซึ่งจะมีผลบังคับอย่างสมบูรณ์ การสละสิทธิ์ในข้อกำหนดของข้อตกลงนี้จะไม่ถือเป็นการสละสิทธิ์ในข้อกำหนดนั้นหรือข้อกำหนดใดๆ ในกรณีอื่น ยกเว้นที่ระบุไว้อย่างชัดเจนใน "ประกาศทางกฎหมาย" ในหน้าเว็บบางแห่ง ข้อตกลงนี้และส่วนที่มีการอ้างอิง ถือเป็นข้อตกลงทั้งหมดระหว่างคุณและ Google เกี่ยวกับการใช้บริการนี้